El Willy ร้านอาหารสเปนสุดฮ็อต เจ้าของสโลแกน Happy Spanish Kitchen

โดย webmaster ·

หนึ่งในร้านอาหารสเปนในกรุงเทพฯ ที่หลายๆ คนน่าจะลงความเห็นตรงกัน ว่าฮ๊อตและคิวยาวที่สุดในช่วงนี้ น่าจะต้องมีร้าน “El Willy” อยู่ในลิสต์ด้วยอย่างแน่นอน ร้านอาหารสไตล์ Tapas หรืออาหารจานเล็กๆ ที่มักนิยมรับประทานพร้อมไวน์ ซึ่งนำเอาความร่วมสมัยและความสนุกสนานมาเพิ่มเติมให้แก่สูตรอาหารสเปนแบบดั้งเดิมนี้ นำทีมโดยเชฟ Willy Trullàs Moreno ผู้ที่นำคอนเซปต์ ‘Sexy Tapas Cuisine’ มาเปิดที่กรุงเทพฯ เป็นสาขาที่สอง ต่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

One of the hottest Spanish Restaurant in Bangkok at the moment is undeniably the Happy Spanish Kitchen “El Willy” led by chef Willy Trullàs Moreno who is bringing his famous ‘Sexy Tapas Cuisine’ to Bangkok after the success of his 1st branch in Shanghai, China. This tiny restaurant that is almost hidden in soi Sukhumvit 51 bases its innovative recipes on Spanish tradition but with modern character and a fun twist.

ร้าน(เกือบ)ลับ บรรยากาศสุดครื้นเครง

ร้าน El Willy นั้น จะเรียกได้ว่าเป็นร้านลับก็ไม่ผิดนัก ด้วยที่ตั้งของร้านที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของตึกแถวในซอยย่อยเล็กๆ ของซอยสุขุมวิท 51 โดยมีเพียงแค่ป้ายรูปจมูกหมูสีแดงเล็กๆ บ่งบอกทางขึ้นร้าน ซึ่งเป็นบันไดแคบและชัน ในร้านมีทั้งโต๊ะอาหารให้นั่งเป็นกลุ่ม และมีโต๊ะบาร์ยาว ให้แขกได้นั่งดูเชฟ Willy และทีมเชฟ ทำอาหารให้เราได้ด้วย บรรยากาศในร้านค่อนข้างครื้นเครง เสียงดังเล็กน้อย เหมาะแก่การมาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือมาเดทแบบไม่เป็นทางการ มากกว่าการมาคุยธุรกิจ หรือมาทานข้าวกันในครอบครัวโดยมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ

เมนูอาหารสเปนตามสูตรดั้งเดิม ที่ได้รับการยกเครื่องชุดใหญ่ ให้ทันสมัย และเน้นความสนุกสนานมากขึ้น

อาหารของทางร้าน มีทั้งแบบเป็นเมนูเดี่ยว (a la carte) หรือสามารถสั่งเป็นคอร์ส Tasting Menu ซึ่งเชฟจะเลือกจัดชุดเมนูแนะนำมาให้เราประกอบไปด้วยเมนูคำเล็กๆ สไตล์ Tapas ไปจนถึง Appetizers และ Main Course ที่มาเป็นจานกลางให้แบ่งกัน อย่างสลัด หอยลายผัด พริกย่าง ปลาอบ ก่อนที่จะปิดท้ายอาหารคาวด้วยข้าวผัดสเปน Paella ที่ขึ้นชื่อของทางร้าน และขนมหวานที่ให้เราเลือกจากเมนูปกติได้คนละ 1 อย่าง

เราเลือกชิม Tasting Menu ชุดใหญ่ของทางร้าน ซึ่งออกแบบลำดับการเสิร์ฟมาได้ดี มีสมดุลระหว่างปริมาณของจานเรียกน้ำย่อย และจานใหญ่สำหรับแบ่งกันในโต๊ะ โดยไม่มีจานไหนแย่งซีนกันเอง และมีปริมาณอาหารในคอร์สที่อิ่มกำลังดีสำหรับเรา แต่หากเลือกคอร์สเล็ก ใครที่ปกติทานเยอะ อาจไม่อิ่มได้ ด้านรสชาติของอาหารของที่นี่ รสชาติค่อนข้างเข้มข้น แต่กลมกล่อม ทานได้เรื่อยๆ โดยไม่เบื่อหรือไม่รู้สึกว่าจัดจ้านเกินไป โดยมีเมนูที่ทางเราอยากจะแนะนำเป็นพิเศษ เช่น

  • Jamon Iberico de Bellota Con Pan Con Tomate – แฮม Iberico ชื่อดังของสเปน เสิร์ฟคู่ขนมปังปิ้งซึ่งกรอบกำลังพอดี และมะเขือเทศบดรสชาติสดชื่น ตัดรสชาติแฮมที่เค็มนำได้เป็นอย่างดี
  • Burrata Con Trufa – สลัดชีสบูราต้า มะเขือเทศ เห็ดทรัฟเฟิล และถั่วเมล็ดสน มีความเปรี้ยว มัน เค็ม และสดชื่น ประกอบกับกลิ่นเฉพาะตัวของทรัฟเฟิล ทำให้สลัดจานนี้พิเศษไม่เหมือนที่ไหน
  • Merluza a la Bilbaina – ปลา Hake ตกเบ็ด เนื้อไม่แน่นมาก รสชาตินวลๆ อบไวน์ขาว มันฝรั่ง มะเขือเทศ และพริก เป็นเมนูปลาอบสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่รสชาติสดใส และไม่เลี่ยนเลย
  • Pluma Iberica de Joselito Con Piquillos Confitadoes – หมู Iberico ซึ่งได้รับผลต้นโอ๊คเป็นอาหาร ย่างแบบ Medium โดยที่ด้านในยังดิบเล็กน้อย เป็นเนื้อหมูที่สัมผัสคล้ายเนื้อวัวมาก โดยแม้หมู Iberico จะค่อนข้างได้รับความไว้วางใจให้ทางแบบดิบได้ในประเทศแถบยุโรป แต่สำหรับคนไทยแบบเราซึ่งยังไม่ค่อยกล้าทานหมูดิบ จานนี้ก็ถือว่าวัดใจอยู่เหมือนกัน

อาหารสไตล์ Tapas รสชาติเข้มข้น มีความฉูดฉาด แต่อาจไม่ได้คุ้มค่ามากนัก ทั้งในด้านราคา และการรอคิว

ด้านราคา ตัว Tasting Menu ชุดเล็ก (2,200++ บาท) หรือชุดใหญ่ (3,000++ บาท) นี้ เป็นระดับราคาเดียวกับร้านอาหารหรูระดับดาว Michelin หลายร้านในกรุงเทพฯ ประกอบกับกระแสความนิยม และพื้นที่ขนาดค่อนข้างกระทัดรัดของทางร้าน ทำให้การมาทานมื้อเย็นในช่วงสุดสัปดาห์ที่นี่ ต้องจองคิวกันล่วงหน้าหลายสัปดาห์ ในขณะที่อาหารของทางร้าน แม้จะทานสนุก รสชาติถูกปากคนไทย และมาทานกับเพื่อนๆ ได้อย่างสนุกสนาน แต่หากตั้งใจมาชิมอาหารโดยความคาดหวังความพิถีพิถันแบบ fine dining แล้ว ที่นี่ยังไม่ได้สร้างความประทับใจให้เรามากนัก เมื่อเทียบกับราคา และระยะเวลาในการรอคิวกว่าจะได้มาทาน

เมนูเครื่องดื่ม และการบริการ ยังมีช่องว่างให้สามารถพัฒนาได้อีก

สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านจะเน้นไปทางเบียร์และไวน์ ไม่มีค็อกเทล เราเลือกดื่ม Wine Flight (5 แก้ว ราคา 1,200++ บาท) ควบคู่ไปกับ Tasting Menu ซึ่งแม้ราคาจะไม่ได้สูงนัก แต่น่าเสียดายที่ตัว Wine Flight นี้ ไม่ใช่การออกแบบการลำดับเสิร์ฟไวน์ให้เข้ากับเมนูอาหารในแต่ละคอร์สแต่อย่างใด จึงไม่ได้ช่วยยกระดับหรือส่งเสริมรสชาติของเมนูต่างๆ เท่าที่เราคาดหวัง คล้ายกับการให้แขกเลือกไวน์ได้ 5 แก้วตามใจมากกว่าจะเป็น Wine Pairing และไม่ได้มีการมาดูแลความเหมาะสมในการดื่มไวน์ลำดับไหนกับอาหารจานใดเลย

ด้านการบริการของทางร้าน แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรตกหล่นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังมีจุดรายละเอียดหรือความใส่ใจบางอย่างที่อยากให้ทางร้านพัฒนา เช่น การจัดโต๊ะในร้านที่อาจทำให้พนักงานมองเห็นแขกได้ไม่ดีนัก และบางโต๊ะอาจต้องพยายามเรียกพนักงานหลายรอบจึงจะได้รับการบริการ ซึ่งถ้าสามารถแก้ไขได้ น่าจะทำให้ประสบการณ์การทานอาหารของแขกมีความรู้สึกว่าได้รับการใส่ใจมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แม้ El Willy จะยังไม่ใช่ร้านอาหารที่เรายกให้เป็น top list สำหรับการชิมอาหารสไตล์ Tasting Menu ในกรุงเทพฯ แต่ด้วยบรรยากาศ และตัวเมนูอาหารเองที่มีความขี้เล่นและมีความสนุกสนาน ที่นี่ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านที่มาสังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้ ไม่เสียหลาย (แม้จะต้องพยายามจองคิวล่วงหน้านานสักหน่อย หรือต้องอาศัยลุ้นคิวหลุดในแต่ละวันก็ตาม)